Special of love:::แผนการรักฉบับพิเศษ
อูซากิกลับเข้าไปในโรงเรียนยามค่ำคืนเพื่อไปเอาสมุดการบ้าน แต่เธอกลับไปเจอชายหนุ่มในดวงใจที่ยืนต่อสู้กับนกยักษ์สีแดงเพลิง!!!
ผู้เข้าชมรวม
1,435
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Special of love : แผนการรักฉบับพิเศษ
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัด สิ่งมีชีวิตน่าจะเข้าสู่ห้วงนิทรา หากแต่ยังมีอีกหนึ่งที่ยังไม่หลับใหล ด้วยภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ เรคุมะ อูซากิ หญิงสาวอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.5/4 กำลังย่องเข้าโรงเรียนของตัวเองด้วยอารมณ์เสียเป็นที่สุด
ยิ่งคิดยิ่งอยากจะบ้าตาย ลืมอะไรไม่ลืม ดันมาลืมสมุดการบ้านวิชาเคมีของยัยอาจารย์อาบารุ อาจารย์ที่ถือว่าโหดที่สุดในโรงเรียน แถมยังต้องส่งวันพรุ่งนี้ก่อนเข้าแถว นี่ถ้าไม่ถูกขู่ว่าคนที่ไม่ส่งจะให้ขัดห้องน้ำของโรงเรียนทั้งเดือนนะ เธอจะไม่ยอมมาตะลอนๆในโรงเรียนตอนสี่ทุ่มเป็นแน่
ร่างบางหยุดอยู่ที่ห้อง ม.5/2 ก่อนจะผลักบานประตูออกช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลทองเบิกกว้าง
นั่นมัน อาคาชิ เซตะ หนุ่มหล่อของโรงเรียนคนที่เธอแอบชอบนี่ แต่ที่น่าตกใจมากที่สุด ไม่ใช่ว่าทำไมเซตะมาอยู่ในห้องเรียนตอนสี่ทุ่มแบบนี้ แต่เป็นนกยักษ์ตัวสูงกว่าสองเมตร มีไฟสีแดงส้มลุกโชนอยู่ทั่วตัว ที่กำลังพ่นไฟใส่เซตะอยู่ ดูเหมือนทั้งสองชีวิตจะสู้กันจนไม่ได้สนใจอูซากิเลยแม้แต่นิด
“กรี๊ดดดดดด!!!!”อูซากิร้องลั่น เมื่อจู่ๆนกไฟก็พุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว
“นี่ นี่เธอ”
เสียงเรียกพร้อมกับการแตะเบาๆที่แก้มทำให้เปลือกตาบางปรือขึ้น ภาพที่ปรากฏอยู่เลือนรางก่อนจะค่อยๆชัดขึ้น แล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นระรัวอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคนตรงหน้าเป็นเทพบุตรสุดหล่อของโรงเรียนที่เธอเฝ้าฝันว่าจะได้รู้จักมานานกว่าห้าปี
“เซ เซตะ”อูซากิพูดเสียงตะกุกตะกัก พลางมองดูสิ่งรอบข้าง เธอยังอยู่ในห้องเรียนของเธอ แต่ตอนนี้นกไฟหายไปแล้ว เหลือเพียงเซตะ กับดาบเล่มบางดูคมกริบที่เซตะถืออยู่
คิ้วเรียวของเซตะขมวดเข้าด้วยกัน”เธอรู้จักฉัน? ดี จะได้คุยกันง่าย รีบปล่อยโคฮาอิใส่ผลึกนี่ซะ ฉันจะได้กลับซะที”
“โคฮาอิ?”หญิงสาวทวนคำ
“ก็นกไฟที่เธอจับไปใส่ในตัวเธอไง”เซตะขึ้นเสียง
“ฉันไม่ได้จับไปนะ”อูซากิโวย ลืมไปชั่วขณะว่าคนข้างหน้าเป็นชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ”ฉันยืนนิ่งๆของฉัน แล้วนกบ้าอะไรนั่นมันก็พุ่งตัวเข้ามาหาฉันหน้าตาเฉย นายนั่นแหละปล่อยให้มันพุ่งมาทำร้ายฉันได้ยังไง”
พูดจบอูซากิก็ผุดลุกขึ้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซตะจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ คงเป็นเพราะเธอเคยเห็นแต่ด้านดีของเขาตอนอยู่กับคนอื่นๆ เลยไม่ได้มาสนใจนิสัยแย่ๆที่ปรากฏออกมาในวันนี้ เธอเป็นคนจับนกไฟมาใส่ในตัวเองงั้นเหรอ พูดเป็นเล่น ชาตินี้ทั้งชาติเธอพึ่งเคยเห็นอะไรเหนือมนุษย์ก็คราวนี้แหละ
หญิงสาวเดินไปหยิบสมุดที่โต๊ะของตัวเอง แล้วทำท่าว่าจะกลับ โดยที่สัญญากับตัวเองไว้ในใจว่าจะไม่เพ้อฝันถึงคนนิสัยแย่ๆแบบนี้อีก ที่สำคัญประสบการณ์ที่มาเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้เธอคงต้องเล่าให้ลูกให้หลานฟังแน่นอน
“นั่นเธอจะไปไหน”เซตะพูดแล้วคว้าข้อมือของอูซากิไว้
“โอ๊ย!! นายจะทำอะไรน่ะ”
“ฉันสั่งให้กล่อยโคฮาอิออกมา”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับบีบข้อมือหญิงสาวแน่นจนเธอรู้สึกชาที่ปลายนิ้ว
“ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ได้เอาโคฮาอิอะไรนั่นไปไงเล่า”อูซากิร้องแล้วสะบัดข้อมือ หากแต่ไม่หลุดออกจากพันธนาการ ขอบตาของหญิงสาวเริ่มร้อน”จะบอกให้ก็ได้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโคฮาอิน่ะเป็นตัวอะไร ไม่รู้ด้วยว่าโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่ และที่สำคัญ ฉันไม่รู้วิธีจับมัน!!”
นัยน์ตาของอูซากิพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา ตอนนี้เซตะปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระแล้ว ดูเหมือนเขาจะตกใจที่หญิงสาวร้องไห้
“ฉันขอโทษ”เขาพูดเสียงเบา”ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันคิดว่าเธอได้กลิ่นไอเวทย์ลอยอยู่แถวนี้เลยวิ่งมาดู แล้วพอเธอเห็นโคฮาอิของฉันเธอก็เลยจับมัน”
“ที่ - - ที่ฉันเห็น - - มันเป็นเวทมนต์เหรอ”อูซากิถาม เป็นครั้งแรกที่เธอสนใจนกไฟที่ชายหนุ่มพูด
เซตะพยักหน้า”โคฮาอิเป็นนกเวทย์ประจำธาตุอัคคี เป็นนกประจำตระกูลฉัน เมื่อวานปู่ของฉันจะย้ายไปอยู่ที่เมืองฮอนงะ(นามสมมติ) แต่ฉันไม่อยากไป ปู่ก็เลยให้โคฮาอิกับฉัน แล้วบอกว่าภายในหนึ่งเดือน ถ้าฉันสามารถดูแลโคฮาอิได้โดยไม่มีปัญหาแล้วจะยอมให้ฉันอยู่เมืองนี้ต่อ แต่เมื่อชั่วโมงที่แล้วโคฮาอิดันหนีออกมาฉันก็เลยไล่ตามมันมาจนถึงโรงเรียน แล้วก็มาเจอกับเธอนั่นแหละ แต่มันก็เห็นกันอยู่จะๆว่าเธอจับนกฉันไป”
“บอกว่าไม่ได้จับก็ไม่ได้จับสิ”อูซากิเน้น
“แล้วฉันจะทำยังไง ร่างของโคฮาอิพุ่งเข้าตัวเธอแล้วก็หายไปทันที เรื่องนี้เธอต้องรับผิดชอบ”
“หา?”
“คงต้องไปหาข้อมูลที่จะดึงร่างโคฮาอิออกจากตัวเธอ”เซตะทำท่าคิดหนัก”ฉันหาคนเดียวไม่ไหวแน่ เธอจะต้องมาช่วยฉันหา พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนฉันจะมารอเธอที่หน้าประตูโรงเรียน ห้ามหนีล่ะ ไม่อย่างนั้นชีวิตเธอไม่สงบสุขแน่”
หลังจากที่อูซากิถูกคนเกือบทั้งโรงเรียนทักเรื่องดวงตาที่ปูดโปนและดำยิ่งกว่าหมีแพนด้าเนื่องด้วยต้องปั่นงานทั้งคืนรวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์งานที่แย่ยิ่งกว่าไก่เขี่ย อูซากิก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยใจที่เต้นแปลกๆ แม้ตอนนี้ความชอบเซตะของเธอแทบจะไม่เหลืออยู่ในจิตใจ แต่การที่เธอจะเดินออกจากโรงเรียนพร้อมหนุ่มหล่อของโรงเรียนคงเป็นเรื่องที่พูดอยู่ในวงนินทาอยู่นานเป็นเดือนแน่
“เฮ้!! ฉันอยู่นี่”เสียงคุ้นหูดังขึ้นทำให้อูซากิหันไปมองตาม เซตะอยู่ในชุดลำลองใส่หมวกพร้อมกับแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ ที่ใครๆคงมองไม่ออกว่าเป็นเขา ชายหนุ่มคว้าแขนอูซากิแล้วลากออกมาจากหน้าประตูโรงเรียน”ฉันกลัวเป็นข่าวกับเธอ เสียชื่อฉันแย่”พูดจบเซตะก็ออกเดินโดยมีอูซากิเดินตามด้วยความไม่พอใจเล็กๆว่าเป็นข่าวกับเธอมันไม่ดีตรงไหน
บ้านของเซตะเป็นซอยถัดออกจากบ้านของอูซากิอยู่สองซอย(เอ ทำไมก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้) เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ที่ปลูกต้นไม้เอาไว้เต็มบ้าน มีกระทั่งสระน้ำที่มีปลาสีสวยๆอยู่เต็มไปหมด อูซากิถูกปล่อยให้นั่งเก้ออยู่ในห้องรับแขกพักใหญ่แล้วหนังสือกองใหญ่ที่แต่ละเล่มหนากว่าพันหน้าก็ถูกขว้างมาไว้ตรงหน้า
“อ่านซะ ดูว่าข้อความไหนที่บอกวิธีการปล่อยร่างสัตว์เทวะออกจากร่างบ้าง”
พูดจบเซตะเดินออกไปจากห้องโดยที่อูซากินั่งมองหนังสือตรงหน้าตาค้าง นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนะ!!!!!
“โอ๊ยยย ไม่เอาแล้ว”อูซากิโวยลั่นขึ้นในวันหนึ่ง หลังจากที่ต้องพลิกหน้าหนังสือกว่าร้อยเล่มมาเป็นเวลานาน”ทำไมฉันต้องมานั่งจมปลักอยู่กับหนังสือบ้าๆพวกนี้ทุกเย็นด้วย ทั้งๆที่ปกติฉันจะเอาเวลาพวกนี้ไปกินขนม ดูหนัง ฟังเพลงกับเพื่อนๆ”
“นี่เธอบ่นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วฮะ นั่งเงียบๆแล้วพลิกหาข้อมูลไป พูดมากอยู่ได้ น่ารำคาญ”เซตะพูดพลางหยิบโมจินมสดมากิน นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้อูซากิไม่พอใจ ก็สั่งให้เธอนั่งอ่านหนังสือ แต่เขากลับมานั่งดูเธออ่านแล้วทานขนมไปด้วยอย่างกับเธอเป็นรายการทีวี
“แล้วทำไมนายไม่มาช่วยฉันเล่า”
“ไม่ว่าง”เป็นคำตอบที่ทำให้อูซากิเดือดปุดๆ ไม่ว่างเพราะกินขนมอยู่นี่นะ นี่เธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้มาเจอผู้ชายประเภทนี้กัน
“งั้นฉันก็ไม่ว่าง”อูซากิพูดพลางปิดหนังสือลง”ฉันยังมีการบ้านต้องทำ ไม่มีเวลามาเสียเวลากับนาย”
เซตะเลิกคิ้ว”เธอจะค้นข้อมูลดีๆหรือจะให้ฉันจับมัดมือแล้วให้เธอใช้เท้าเขี่ยหน้ากระดาษเปิดเอา ฮึ?”อูซากิคิดอยู่ชั่วอึดใจแล้วตัดสินใจนั่งลงต่อเมื่อเห็นว่าเรื่องที่เขาขู่มาคงทำจริงแน่
“คุณชายครับ”เสียงแก่ๆดังขึ้นทำให้ดวงตาทั้งสองคู่หันไปมอง เขาเป็นชายชราวัยเก้าสิบที่มีผมหงอกอยู่ทั่วหัว ริ้วรอยตีนกาขึ้นอยู่ทั่วใบหน้าบ่งบอกถึงประสบการณ์ที่มีอยู่มากมาย อูซากิรู้จักชายชราในวันที่สองที่มาค้นหาข้อมูล เขาชื่อเรชิ ฟุโทดะ คนรับใช้ประจำตระกูอาคาชิ”ลุงได้ข่าวของคุณเฮโรแล้วครับ”
เซตะพยักหน้า”ลุงช่วยส่งข่าวไปบอกลุงเฮโรหน่อยแล้วกันนะครับว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปเยี่ยม แล้วลุงช่วยเตรียมของ แล้วจองรถตั๋วรถไฟให้ผมซักสองที่นะครับ”
ฟุโทดะพยักหน้าแล้วก้มหัวเดินออกไปจากห้อง อูซากิหันไปมองเซตะด้วยสีหน้างงงวย
“ใครเหรอ ลุงเฮโรน่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อ่านหนังสือไป!!!”
เผด็จการ! อูซากิคิดในใจอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปง่วนกับการพลิกหน้าหนังสือดูต่อ
“ไปเคโรน!!(ชื่อเมือง:นามสมมติ)”เรคุมะ โครุกุร้องลั่นห้องอาหารหลังจากที่ลูกสาวคนโปรดมาขออณุญาตไปพักบ้านเพื่อนที่ต่างเมืองอยู่หนึ่งอาทิตย์หลังจากการสอบปิดภาคเรียน ซึ่งก็คือพรุ่งนี้”ลูกจะไปยังไงจ๊ะ กับใคร แล้วมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยรึปล่าว”
“ไปทางรถไฟน่ะค่ะ มีผู้ใหญ่ไปด้วยแน่นอน แม่รู้จักมีมิลเระไม่ใช่เหรอคะ รายนั้นก็ไปเหมือนกัน เราไปกันหลายคนค่ะ”อูซากิพูดรัวเนื่องด้วยเธอไม่เคยโกหกแม่มาก่อน ขอโทษนะคะแม่ แต่หนูบอกความจริงแม่ไม่ได้จริงๆ
“แต่ทำไมพึ่งมาบอกแม่ล่ะ แม่จะได้ลางานแล้วไปกับหนู”ก็เซตะพึ่งมาบอกหนูวันนี้เองนี่คะว่าจะไปถามวิธีการปล่อยร่างสัตว์เทวะกับลุงของเขา ปล่อยให้หนูอ่านหนังสือเป็นนานสองนาน นี่ถ้าไม่เห็นว่าถ้าไม่ช่วยแล้วหมอนั่นต้องย้ายบ้านย้ายเมืองแล้วทิ้งได้ทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงที่รู้จักกันมานานหนูก็ไม่ยอมหรอกค่ะ
“เอ้อ หนูพึ่งรู้ค่ะ”อูซากิตอบตามจริง”พอรู้ข่าวก็รีบมาบอกแม่เลย”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ เก็บข้าวเก็บของดีๆล่ะ อย่าลืมอะไรนะ”
“ค่ะ”อูซากิรับคำแล้ววิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อเก็บของเตรียมออกเดินทาง
วันรุ่งขึ้น
รถไฟเคลื่อนผ่านบ้านเรือนหลายต่อหลายหลังด้วยความรวดเร็ว แล้วสองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งนาและสวนผลไม้ต่างๆ อูซากิมองสถานที่รอบข้างด้วยความตื่นเต้นเพราะทั้งชีวิตเธอไม่เคยเห็นทุ่งนากับสวนผลไม้มาก่อน จะเคยเห็นก็แต่รูปในหนังสือ
ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีทองพาดผ่านเนื่องจากเป็นยามเย็น จากสวนผลไม้เริ่มกลายเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นประดับข้างทาง ดอกไม้หลากสีบานประดับประดาอยู่ประปรายแซมใบหญ้าสีเขียวอ่อนดูงดงาม แล้วบรรยากาศก็เริ่มเข้าสู่เมืองอีกครั้งเมื่อดูจากแสงไฟของบ้านหลายๆหลัง
“นี่ หัดอยู่นิ่งๆบนที่นั่งไม่ได้รึไง”ในที่สุดเซตะก็โวยขึ้นมา เมื่อทนไม่ไหวกับท่าทางของอูซากิ
หญิงสาวมุ่ยหน้า กอดอก”ไม่ได้”
เซตะเบิกตากว้างเป็นสัญญาณของการตะโกน ทำให้อูซากิรีบวิ่งไปอีกมุมหนึ่งของตู้รถไฟ ส่วนมือทั้งสองข้างก็ปิดหูไว้เพื่อกันเสียงที่จะทะลุผ่านเข้ามา แต่ริมฝีปากได้รูปกลับยิ้มกว้างให้ชายข้างหน้าเหมือนจะแสดงถึงชัยชนะที่เธอหนีออกมาได้ก่อน
รถไฟเบรคกะทันหันทำให้อูซากิหน้าคะมำ เซตะคว้าตัวหญิงสาวเข้าหาตัวเองตามสัญชาตญาณเพื่อกันไม่ให้หญิงสาวล้ม ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบนั้นทำให้ใบหน้าของอูซากิร้อนผ่าวแล้วรีบผุดลุกขึ้นมายืนทันที
“ถึงแล้ว”อูซากิเปลี่ยนเรื่องพลางสูดหายใจลึกเพื่อหยุดหัวใจที่กำลังเต้นรัวด้วยความเร็ว เธอว่าเธอเลิกสนใจชายตรงหน้าแล้วนะ แต่ทำไมจิตใจเธอถึงได้ยัง โธ่เว้ย แกคิดอะไรอยู่ฮะยัยอูซากิ
ชายหนุ่มลุกขึ้น กลอกนัยน์ตามองบ้านเรือนนอกหน้าต่าง”คงต้องพักที่นี่คืนหนึ่งก่อนขึ้นรถไปบ้านลุงเฮโร”พูดจบเซตะก็ยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่ใจเต้นรัวอยู่ข้างหลังแม้แต่นิด
“เฮ้ย!! เซตะ รอฉันด้วย”อูซากิร้องสะพายกระเป๋าใบใหญ่แล้ววิ่งตามชายหนุ่มไป
เมืองเคโรนเป็นเมืองที่มีผู้คนหนาตา ไม่รู้เพราะอะไรแต่อูซากิคิดว่าจำนวนผู้คนที่เดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ดูมีมากกว่าจำนวนบ้านที่ปลูกสร้างอยู่ บ้านของที่นี่สร้างแล้วเน้นความกะทัดรัด จะมีอยู่บางหลังที่มีขนาดใหญ่ แล้วก็มีตึกสูงใหญ่ตั้งอยู่ไม่มาก
เซตะเดินนำไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะดูดีที่สุดในเมืองนี้ แล้วข้อสงสัยของอูซากิก็คลายทันทีเมื่อเจอกับแผ่นป้ายแผ่นใหญ่ที่แปะอยู่บนผนังด้านหนึ่งของโรงแรม
‘เมืองเคโรนจัดงานฉลองครบรอบ 100 ปี ขอเชิญแขกทุกคนเข้าร่วมงานที่ใจกลางเมือง’
หญิงสาวยิ้มกว้าง จะว่าโชคก็คงใช่ จะว่าดวงดีก็คงใช่อีก นี่เธอกำลังจะได้เที่ยวงานที่ร้อยปีมีครั้ง ทั้งๆที่มาเที่ยวเมืองนี้เป็นครั้งแรก แบบนี้ต้องเที่ยวให้สะใจเลยเชียว โอ๊ย ตายล่ะ เธอไม่ได้เอากิโมโนมาด้วยสิ น่าเสียดาย
“สามหมื่นเยนครับ”พนักงานเช็คบิลบอกเซตะที่หันไปหยิบเงิน อูซากิกลืนน้ำลาย พักคืนเดียวสามหมื่น ดีที่เซตะไม่ได้ให้เธอจ่ายเอง ไม่งั้นมีหวังต้องไปทำงานล่วงหน้าเป็นปีกว่าจะหาเงินมาจ่ายได้
“เอ้อ คุณลุงคะ เมืองนี้เค้าจัดงานเหรอคะ?”อูซากิถามพลางตีหน้าซื่อ พอลุงเขาบรรยาสรรพคุณของงานนี้เสร็จแล้วเธอก็จะหันไปชวนเซตะเที่ยว คราวนี้แหละเธอก็จะมีคนเลี้ยงทั้งงาน
“นี่หนูไม่รู้เหรอ ที่ลุงเห็นหนูเดินทางมาถึงนี่ก็นึกว่าจะมาเที่ยวงานนี้เสียอีก บางคนบินมาจากต่างประเทศเพื่อมาเที่ยวงานนี้เลยนะ คนที่ไปเที่ยวทุกคนต้องใส่ชุดกิโมโน แล้วรู้สึกว่ามีร้านค้ามาขายกว่าร้อยร้านเชียวนะ แต่ละร้านกว่าจะดึงให้มาขายของที่นี่ได้หนักพอดูเชียวล่ะ เพราะร้านพวกนี้เขาเป็นร้านเก่าๆหรือไม่ก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากทำให้ยากต่อการติดต่อ”
ตามแผน!!!
“เซตะ ไปเที่ยวงานกันนะ”
“ไร้สาระ”คนถูกชวนพูดขึ้นทันที พลางจ้ำอ้าวขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องพัก
“น้า นะ เซตะ งานนี้ไม่ใช่ว่าหาดูได้ง่ายๆนะ ถึงยังไงข้าวเย็นเราก็ยังไม่ได้ทาน ก็ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาเลยก็ได้นี่”
“ .”เซตะยังคงเดินต่อไป โดยมีอูซากิเดินตาม
“นายไม่อยากเล่นเกมรึไง นายไม่อยากไปดูของหรืออะไรไปให้เพื่อนๆเลยหรือไง”
“ .”
“เซตะ นายจะได้ไปดูผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนสวยๆไง ส่วนฉันก็จะไปหาอะไรทานอร่อยๆ เห็นมั้ย ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”
“พูดถึงชุดกิโมโน”เซตะพูดพลางหยุดเดินแล้วหันมามองอูซากิ”คนไปเที่ยวงานนี้ต้องใส่ชุดกิโมโนไม่ใช่เหรอ หรือเธอเอามา”อูซากิชะงัก ลืมคิด
“เดี๋ยวหาซื้อแถวนี้ก็ได้ นะ เซตะ ไปด้วยกันนะ”
“ .”
“นายไม่ไปฉันไปเองก็ได้ ไม่เห็นจะต้องง้อเลย”อูซากิตะโกนเป็นประโยคสุดท้ายก่อนวิ่งออกจากโรงแรมไปทั้งๆที่บนหลังยังคงมีกระเป๋าเป้สะพายอยู่
แล้วนี่เขาบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย ถึงได้ออกมาตามหายัยนั่นแบบนี้ อาคาชิ เซตะถามตัวเองทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีเสียงตะโกนตอบกลับมาหรอก เขานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกรอกมองดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาด้วยหวังจะเจอคนที่ตามหา
ผู้คนเดินผ่านไปเป็นคู่ๆพร้อมร้อยยิ้มสดใส แต่กลับไม่ได้ทำให้เขาสดชื่นขึ้นแม้สักนิด ถ้ารู้ว่าผลสุดท้ายตัวเองจะออกมาตามหายัยนั่น เขาก็น่าจะตกลงที่จะมาเที่ยวพร้อมๆกันซักห้านาทีแล้วค่อยบังคับให้กลับก็ไม่น่าจะมีปัญหา แล้วถ้าเกิดอูซากิถูกคนขโมยของล่ะ หรือถูกคนล่อลวง แล้วเขาจะทำยังไง
ริมฝีปากของชายหนุ่มเม้มแน่นด้วยความเครียด ขายาวเริ่มก้าวเร็วขึ้นเป็นสองเท่าด้วยความเป็นห่วงที่ทวีขึ้นเป็นเท่าตัว แล้วสักพักร่างสูงก็ชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังยิ้มแย้มให้กับชายแปลกหน้า แถมไอ้หมอนั่นกำลังจับมืออยู่ด้วย จับมือ!!!
“หนูโชคดีขนาดนั้นเชียว?”อูซากิถามซ้ำ ยิ้มกว้าง เมื่อหมอดูลายมือกำลังบอกว่าชีวิตของเธอจะสุขสมหวังตามที่หวังไว้
“ก็เส้นชะตามันบอกแบบนี้นี่นา”หมอดูย้ำ”ดูเส้นวาสนาสิ เข้มที่สุดเท่าที่ลุงเคยดูมาด้วยซ้ำ”
“ไหนคะ”หญิงสาวถามพลางก้มลงมองมือตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะรู้ว่าเส้นวาสนาอยู่ส่วนไหนของมือ มือของเธอก็ถูกอีกมือหนึ่งที่แข็งแรงกว่าคว้าไป
“โอ๊ย!”อูซากิร้อง เหลือบมองคนทำ แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ที่แท้ก็คนที่บอกว่าเห็นงานนี้ไร้สาระ แล้วมาทำไมยะ
“กลับเดี๋ยวนี้”เซตะร้องลั่นเสียจนอูซากิสะดุ้ง
“นายเป็นอะไรของนายน่ะ นายไม่อยากมาฉันก็ไม่บังคับ แล้วทำไมนายต้องบังคับให้ฉันกลับด้วย”
“ฉันสั่งให้กลับเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่กลับ”
“จะกลับหรือไม่กลับ”
“ก็บอกว่าไม่กลับก็ไม่กลับสิ กรี๊ดดดดดด”ร่างของอูซากิถูกยกขึ้นเหนือพื้นด้วยฝีมือชายหนุ่ม หญิงสาวดิ้นรนสุดชีวิต แต่กลับไม่ทำให้ร่างสูงนั้นเป็นอะไรได้เลยหญิงสาวจึงหยุดนิ่ง เพราะถึงจะทำไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรบวกกับสายตาหลายคู่ที่มองมาที่เธอยิ่งทำให้เธอนิ่งกว่าเดิม เซตะหัวเราะในลำคอเมื่ออูซากิหยุดดิ้น เขาอุ้มเธอไปถึงห้องที่โรงแรมแล้ววางเธอลง
“เธอนี่หนักชะมัด”เซตะบ่นอุบพลางทิ้งตัวลงบนเตียง
“ไม่ได้ขอให้นายอุ้มมาซะหน่อย”อูซากิตอกกลับ จะเอาผิดกับเขาก็ไม่ได้ ก็ที่เธอมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ก็เพราะเขานั่นแหละ หญิงสาวจึงหันไปบ่นเรื่องอื่นแทน”นายก็รีบๆออกไปซะสิ ฉันจะได้เปลี่ยนชุดซะที”
“ ..”คนถูกไล่ปรือเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน โดยไม่สนใจร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เฮ้! เซตะ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ นายต้องไปนอนห้องนายสิ”อูซากิโวยลั่น ผุดลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนคนตัวใหญ่กว่าหมายจะให้เขาลุกขึ้นตามคำขอ แต่กลับไม่เป็นผล “เซตะ เซตะ”
“อย่าเรียกได้มั้ย คนจะนอน”เซตะพูดพลางยกมือขึ้นปิดหู หญิงสาวมองชายหนุ่มแล้วอมยิ้ม ตอนเขานอนแบบนี้ก็น่ารักดีนะ เฮ้ย! นี่เธอคิดอะไรอยู่ เซตะมานอนห้องเธอแล้วเธอจะไปนอนที่ไหนล่ะ
“เซตะ! นายลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ นายนอนห้องนี้แล้วจะให้ฉันนอนที่ไหนเล่า”
“ก็นอนด้วยกันสิ”พูดจบ ร่างบางก็ถูกคว้าขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเสียงเอ็ดตะโรโวยวายก็ดังขึ้นพร้อมร่างของชายหนุ่มที่ถูกส่งออกมาจากห้องโดยมีสภาพแย่เต็มที
“เซตะ เซตะ รอฉันด้วยยยย”เสียงใสกังวานดังลั่นผืนป่า ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของหอบแฮกอยู่บนทางเดิน ใบหน้าเนียนเริ่มซีด
“ก็เธอน่ะชักช้าเองนี่”คนถูกเรียกโวย หันหลังมองหน้าคนเรียกอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่เราเดินมาเป็นกิโล กิโลเชียวนะ”อูซากิพูดแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยไม่สนใจว่ามีฝุ่นเกาะอยู่มากแค่ไหน”ไม่เอาแล้ว นายไปต่อคนเดียวเถอะ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้รอนายกลับมา”
“อย่าเวอร์ได้มั้ย พูดอย่างกับฉันจะไปออกรบ” ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมา อูซากิมองตามแล้วก็เห็นว่ามันเป็นดาบเหมือนที่เธอเคยเห็นตอนเจอกับเซตะกำลังต่อสู้กับนกไฟ รอยยิ้มของเซตะทำให้หญิงสาวเริ่มหวาดระแวง
“นายจะ - - กรี๊ดดดดด”ร่างของอูซากิลอยขึ้นแต่ไม่ใช่เพราะเซตะอุ้มเธอเหมือนครั้งก่อน แต่เธอลอยขึ้นโดยไม่มีอะไรรองซักอย่างเดียว
“หัดเงียบเสียงซะบ้างสิ ตั้งแต่ฉันรู้จักเธอนี่ฉันว่าประสาทหูฉันคงเสื่อมไปเยอะแน่เลย”เซตะพูดแล้วออกเดิน โดยมีร่างของอูซากิลอยตามอยู่เหมือนเงาตามตัว
“เซตะ เอาฉันลงเถอะ ไม่เอาแล้ว ฉันหายเหนื่อยแล้ว”หญิงสาวขอร้อง แต่คำขอร้องของเธอกลับไม่เป็นผลเมื่อเซตะไม่หันมาสนใจเธอซักนิด อูซากิเลยเลือกที่จะเงียบเสียง อย่างน้อยก็ไม่เหนื่อยล่ะนะ
เดินไปซักพักร่างของอูซากิก็ถูกปล่อยลง ตรงหน้าของทั้งสองเป็นน้ำตกสูงกว่าสิบเมตรที่ตกลงมาเป็นเสียงดังสนั่น รอบด้านเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ดูเก่าแก่ยากแก่การเดาอายุ เซตะเดินไปหยุดอยู่ที่จุดที่น้ำตกตกลงมา เขาหลับตาแล้วพึมพำอะไรที่อูซากิไม่เข้าใจสักพัก ม่านน้ำตกก็แหวกออกเผยให้เห็นถ้ำภายใน โดยมีชายแก่คนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว
“ฉันก็นึกว่าเป็นใครที่ไหนที่มาเยี่ยม ที่แท้ก็แกนี่เอง เป็นไงสบายดีมั้ย”เฮโรพูดพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาของเขาเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลาเหมือนกำลังยิ้มพร้อมกับใบหน้า
เซตะพยักหน้า”ผมมีเรื่องจะให้ลุงช่วย”
“อืม ฉันรู้แล้วล่ะ ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอกนะ ฉันมันไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนปู่แก แต่ฉันพอมีทางแนะนำ คือให้แม่หนูนั่น ชื่ออะไรนะ ”
“อูซากิค่ะ”
“นั่นแหละๆ ให้อูซากิลองพยายามสื่อสารกับโคฮาอิดู บางทีอาจจะรู้วิธีการปลดปล่อยมันออกมาก็ได้”
“ทำยังไงเหรอคะ”อูซากิถามด้วยความตื่นเต้น สื่อสารกับสัตว์ที่อยู่ภายในตัว ใช่ว่าจะเคยเห็นได้บ่อยๆ
“ไปนั่งตรงนั้น จนกว่าจะรู้สึกถึงจิตวิญญาณภายใน”
“???”
“อูซากิ”เสียงคุ้นหูที่ปกติมีแต่คำด่าทอ ตอนนี้กลับเปล่งออกเป็นเสียงออกนุ่มนวลจนคนฟังหันหน้าไปมองยังคนเรียก แล้วหัวใจก็เต้นระรัวกับสายตาที่ชายหนุ่มทอดมองมา
ทำไมเหรอเซตะ... อยากจะถามไปแบบนี้ แต่คำถามกลับกลืนหายไปในลำคอเมื่อเขาเริ่มก้าวเข้ามาประชิดตัว
“ฉันรักเธอ”ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว ริมฝีปากเย็นก็ทาบเข้ากับริมฝีปากบางจนคนถูกจูบหยุดหายใจ หญิงสาวปรือตาลงความหวาบหวามเริ่มแล่นเข้าสู่ร่างกายจนอยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอดกาล
“ยัยบ๊อง!! ทำอะไรของเธอน่ะ”เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง แต่น้ำเสียงที่ไม่นุ่มนวลเหมือนเดิมทำให้อูซากิลืมตาขึ้น เมื่อเบื้องหน้าที่คิดว่าจะเป็นใบหน้าของชายหนุ่มกลับกลายเป็นท่อนแขนที่เต็มไปด้วยน้ำลายกับรอยกัดที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครทำ
“ฉันถามว่าเธอทำอะไรของเธอ!”เซตะถามอีกครั้ง”นี่ฉันอุตส่าห์จะมาถามข่าวคราวว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้าง แล้วจู่ๆเธอก็มากัดแขนฉันซะจนเป็นรอยแบบนี้น่ะนะ”
อูซากิยิ้มเหย”ง่า... ก็เห็นนายฝึกดาบเหนื่อยๆ ฉันก็เลยช่วยนายทำความสะอาดแขนไง ฮ่าๆๆๆ”
บ้า บ้า บ้าที่สุด! เหตุผลแบบนี้ใครฟังรู้เรื่องก็บ้าแล้ว แกคิดอะไรที่มันสมเหตุสมผลกับการไปกัดแขนเขาไม่ได้เลยรึไง
คนถูกช่วยทำความสะอาดแขนถอนหายใจ ด้วยขี้เกียจจะเอาความ แล้วความอยากรู้ก็มีน้ำหนักสูงกว่า”แล้วสรุปที่เธอนั่งอยู่นี่เป็นวันที่ห้าแล้วไม่ได้เห็นอะไรบ้างเลยเหรอ”
ก็เห็นนายมาบอกรักฉันไง หญิงสาวตอบในใจแต่กลับส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“คุณชายครับ”เสียงเรียกตื่นๆของชายแก่ ทำให้ทั้งสองหนุ่มสาวหันไปมอง ฟุโทดะเดินฝ่าน้ำตกเข้ามาในถ้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำ อีกทั้งยังสั่นยิ่งกว่าเจ้าเข้าทำให้อูซากิอดหนาวแทนไม่ได้ แต่ดูเหมือนชายชราจะไม่สนใจตัวเองเลยซักนิด”คุณท่านส่งจดหมายมาว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับบ้าน ให้คุณชายเตรียมตัวด่วน”
“แต่ตามสัญญาน่ะ มันอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์คุณปู่ถึงจะกลับไม่ใช่หรือครับคุณลุง”เซตะถามกลับไป
“ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับคุณชาย แต่ตอนนี้ลุงเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว เชิญคุณชายกับคุณหนูอูซากิกลับกันตอนนี้เลยแล้วกันนะครับ”คนใช้ประจำตระกูลอาคาชิกล่าวพลางผายมือไปยังทางออกน้ำตก อูซากิกลืนน้ำลาย คนตระกูลนี้นี่รวยขนาดไหนกันนะ มีถึงขนาดเฮลิคอปเตอร์เป็นคันๆ
“แต่เดี๋ยวผมขอลาลุงเฮโรก่อน”
“ไม่ต้องหรอก”เฮโรกล่าวเรียบๆ โดยที่คนอื่นไม่รู้ตัวเลยซักนิดมาเขาเดินมาเมื่อไร”แกไปเถอะเซตะ ฝากบอกปู่แกด้วยล่ะว่าอย่าเผด็จการมากนัก”เซตะพยักหน้าแล้วเริ่มร่ายมนต์แหวกม่านน้ำตก
เฮลิคอปเตอร์คันเล็กที่บรรจุคนนั่งอยู่สองคนบวกคนขับอีกหนึ่งคนบินทะยานผ่านฟากฟ้าประเทศญี่ปุ่นกว่าสามชั่วโมง อูซากิมองฟุโทดะด้วยดวงตาเหลือเชื่อ เพราะรู้สึกว่าคนใช้ประจำตระกูลอาคาชินี่จะทำได้ทุกอย่าง เธอยังจำได้ดีกับรสชาติของขนมแสนอร่อยที่คุณลุงเคยทำให้ทานตอนไปหาข้อมูลปล่อยวิญญาณสัตว์เทวะหรือผลงานการตัดแต่งต้นไม้ที่เหนือชั้น
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณท่านจะเดินทางมาถึงก่อนเวลารึปล่าวถึงได้ไปรับคุณชายตอนนี้ แต่ยังไงก็เตรียมตัวก่อนก็ดีนะครับจะได้ไม่มีปัญหา”ชายชรากล่าวเตือนเมื่อเฮลิคอปเตอร์เริ่มแล่นลงต่ำ”ก่อนอื่นก็คงต้องคิดก่อนว่าจะอธิบายกับคุณท่านว่ายังไงที่คุณหนูอูซากิเดินทางมาพร้อมกับคุณชาย”
“ทำไมเหรอคะ”อูซากิถามงงๆ
“ก็คุณท่านไม่อนุญาติให้คุณชายพาเพื่อนเข้าบ้านน่ะครับ ก็อย่างที่คุณอูซากิรู้ ครอบครัวนี้ใช้เวทย์ได้ ดังนั้นจึงไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครต่อใครรู้”ฟุโทดะอธิบาย
“งั้นจะทำยังไงดีล่ะเซตะ”อูซากิร้อนตัว”เกิดปู่นายไม่พอใจแล้วเอาดาบฟันคอฉันก็แย่น่ะสิ”
“ไม่เห็นจะเป็นไร ฉันก็บอกคุณปู่ว่าเธอเป็นคนรักซะก็สิ้นเรื่อง”เซตะตอบด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“นายว่าอะไรนะ!”คนถูกเรียกว่าคนรักร้องลั่น แต่ไม่ทันจะได้คำตอบจากชายหนุ่ม เฮลิคอปเตอร์ก็ร่อนต่ำลงพร้อมกับชายชราเดินออกมาจากบ้านอาคาชิพร้อมด้วยใบหน้าที่อูซากิอยากจะฆ่าตัวตายเสียมากกว่าไปเผชิญหน้าด้วย เซตะกึ่งลากกึ่งจูงอูซากิออกมาจากเฮลิคอปเตอร์หันไปเผชิญหน้ากับชายชรา
“สวัสดีครับคุณปู่”ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ”ท่านยังดูสบายดีเหมือนทุกครั้งนะครับ”
ชายชราไม่ตอบ เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งมองไปที่ผู้หญิงที่เดินตามหลานชายมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงไม่ได้สนใจที่จะฟังคำพูดของชายหนุ่ม ไอเวทย์ของโคฮาอิที่แผ่ออกมาจากตัวของอูซากิรวมไปถึงไอเวทย์ที่เขาคุ้นเคยอย่างประหลาดทำให้ชายชรางงงวย
“ขอแนะนำให้คุณปู่รู้จัก เรคุมะ อูซากิ ผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยในอนาคต”เซตะกล่าวขึ้นโดยไม่ยอมให้คนเป็นปู่ออกคำถาม อูซากิกัดฟันแน่น ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าปู่นายยืนอยู่ตรงนี้นะนายเซตะ นายไม่ได้ตายดีแน่ ฉันไปบอกนายเมื่อไรกันว่าจะแต่งงานกับนายยะ
อาคาชิ โซคุขยับยิ้มที่มุมปาก แต่เป็นยิ้มที่เย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง”ไหนลองพิสูจน์ซิ”
“คะ?”
“ฉันบอกให้พิสูจน์ว่าพวกเธอรักกันจริง”
เป็นคำสั่งที่ทำให้อูซากิใจหายวาบ เมื่อรู้ว่าวิธีที่ปู่ของเซตะหมายถึงเป็นอะไร ตอนนี้เซตะหันกลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว ดูเหมือนเขาทำทุกอย่างได้เพื่อที่จะเอาชนะปู่ของเขา แต่ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีเอาชนะที่อูซากิอยากจะร้องไห้ซะร้อยรอบ ใบหน้าของเซตะเริ่มเคลื่อนใกล้ จนหญิงสาวรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่ม ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นรัวจนรู้สึกเหมือนมันจะทะลุออกมาจากอก
“ไม่เอาแล้ว!”อูซากิโพล่งขึ้นมาพลางเดินไปอีกมุมหนึ่งเพื่อสงบสติ”คุณปู่คะ เราไม่ได้เป็นคนรักกันหรอกค่ะ เพียงแต่นกไฟประจำตระกูลคุณปู่ หรือที่เรียกว่าโคฮาอิอะไรนั่นมันมาอยู่ในร่างของหนู แล้วตอนนี้พวกเรากำลังหาทางปล่อยมันออกมาอยู่ค่ะ”
“หึ ฉันนึกแล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ”โซคุพูด”คิดว่าฉันไม่เห็นไอเวทย์ที่แผ่ออกมาปกคลุมเธออยู่เหรอ เอาล่ะ เซตะเป็นอันว่าแกแพ้พนัน พรุ่งนี้แกต้องเดินทางไปเมืองฮอนงะกับฉัน แล้วพาแม่หนูนี่ไปด้วย เราจะได้ทำพิธีปลดปล่อยซะที”
ชายชราพูดแล้วเดินกลับเข้าบ้าน อูซากิหันไปมองเซตะ เธอไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะโกรธที่เธอโพล่งไปแบบนั้นรึเปล่า แล้วความสงสัยของเธอก็เป็นจริงเมื่อเซตะเดินผ่านเธอไปแบบไม่สนใจใยดี ทั้งๆที่ปกติเขาจะชอบบังคับขู่เข็ญสารพัด แต่พอเขาไม่หันมาสนใจใยดีเธอแบบนี้มันเหมือนกับขาดอะไรไปซักอย่าง
“เซตะ”อูซากิเรียก พลางคว้ามือชายหนุ่มไว้ เขาเหลือบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้มลงแกะมือเธอออก”เซตะไม่โกรธน้า”อูซากิพูดอีกครั้งพลางยิ้มกว้าง น่า แผนนี้ยังใช้กับแม่ได้ผลเลย”ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ”
“ .”คนถูกง้อยังคงไม่สนใจคนง้อ แล้วหันตัวเดินออกไป หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งเข้าไปขวางหน้า
“น่า นะ เซตะ หายโกรธน้า จะให้ฉันทำอะไรก็ได้นะ แต่อย่าโกรธเลย”
“ทุกอย่าง?”ชายหนุ่มทวนคำ
“อื้อ ทุกอย่างเลย”อูซากิตอบทันที แล้วก็ต้องหันมาเสียวสันหลังวาบเมื่อเห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดขึ้นจากใบหน้าของเซตะ .แถวนี้มีเครื่องเปลี่ยนคำสัญญาบ้างรึเปล่าเนี่ย
“คุณหนู คุณหนูอูซากิ”เสียงเรียกดังก้องกังวาลเรียกเจ้าของชื่อให้ปรือหนังตาขึ้นด้วยความง่วงงุน แล้วความง่วงก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าเป็นคู่หญิงชายที่หน้าตาดีและแปลกที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น
ผู้ชายเป็นคนที่มีเรือนผมและดวงตาสีแดงเพลิง นี่ยังไม่รวมถึงอาภรณ์ที่เป็นชุดสีแดงสดแสบตา แต่ใบหน้านั้นกลับคมเข้มดูหล่อเหลา และอีกหนึ่งคนเป็นหญิงสาวที่มีดวงตาสีฟ้าใสกับเรือนผมสีน้ำเงินเข้ม เธอสวมอาภรณ์สีฟ้าขาวที่เข้ากับใบหน้าเนียนใสผุดผ่อง เมื่อชายหญิงคู่นี้ยืนคู่กันแล้ว ดูจะเหมาะสมกันเสียยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก
“พะ พะ พะ ”อูซากิพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงให้ฟังดูไม่น่าเกลียดที่สุด
“คุณหนูไม่ต้องกลัวค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังสื่อสารกับคุณหนูทางจิตอยู่”หญิงคนนั้นกล่าว”ก่อนอื่นคงต้องแนะนำตัว ฉันชื่อเรนะ เป็นสัตว์เทวะประจำกายของคุณหนู”เรนะโค้งตัวลงแล้วหันไปทางชายข้างๆ”ส่วนนี่โคฮาอิ คุณหนูคงรู้จักแล้ว เขาคือนกไฟที่พุ่งไปหาคุณหนูเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน” อูซากิพยายามทำใบหน้าให้ตัวเองรู้เรื่องมากที่สุด แล้วเปล่งคำถามที่ตัวเองอยากรู้ที่สุดขึ้นมา
“แล้วมาบอกให้ฉันรู้ทำไมเหรอ คะ”หญิงสาวยังคงวางตัวไม่ถูก คงไม่ได้มาขอให้เธออุทิศส่วนกุศลไปให้หรอกนะ
“คือฉันอยากจะมาสารภาพกับคุณหนู”
“ช่วยเรียกอูซากิจังให้หน่อยนะคะ แบบว่าเรียกคุณหนูแล้วมันขนลุก”อูซากิแทรกขึ้น เรนะอมยิ้ม
“ค่ะ ฉันอยากจะมาสารภาพที่ต้องทำให้อูซากิจั%A
ผลงานอื่นๆ ของ Fortunatus Era ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Fortunatus Era
ความคิดเห็น